ประเภทวงดนตรีสากล

1. วงแชมเบอร์ (Chamber Music)

เป็นวงดนตรีขนาดเล็ก ใช้บรรเลงในห้องโถงหรือสถานที่ไม่ใหญ่โตนัก มีนักดนตรีตั้งแต่ 2 – 9 คน มีชื่อเรียกตามจำนวนนักดนตรี ดังนี้ คือ

  • นักดนตรี 2 คน เรียกว่า ดูเอ็ด (Duet) นักดนตรี 3 คน เรียกว่า ทรีโอ (Trio)
  • นักดนตรี 4 คน เรียกว่า ควอเต็ด (Quartet) นักดนตรี 5 คน เรียกว่า ควินเต็ด (Quintet)
  • นักดนตรี 6 คน เรียกว่า เซกเต็ด (Sextet) นักดนตรี 7 คน เรียกว่า เซพเต็ด (Seยtet)
  • นักดนตรี 8 คน เรียกว่า ออคเต็ด (Octet) นักดนตรี 9 คน เรียกว่า โนเน็ด (Nonet)

2. วงออร์เคสตร้า (Orchestra)

เป็นวงดนตรีขนาดใหญ่ที่มีนักดนตรีมากที่สุด และมี วาทยกร หรือ ผู้อำนวยเพลง (Conductor) เป็นผู้ควบคุมวงดนตรีเพื่อกำกับจังหวะ ลีลา และความดังเบาของบทเพลง แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ

วงแชมเบอร์ออร์เคสตร้า

เป็นวงดนตรีที่ใช้เฉพาะเครื่องดนตรีตระกูลไวโอล์เท่านั้น มีผู้บรรเลงจำนวน 20 – 30 คน

วงซิมโฟนีออร์เคสตร้า

เป็นวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีครบทั้ง 5 ประเภท คือ เครื่องสาย เครื่องลมไม้ เครื่องทองเหลือง เครื่องคีย์บอร์ด และเครื่องกระทบ แบ่งขนาดของวงเป็น 3 ขนาดคือ

  • ขนาดเล็ก มีผู้บรรเลง 40 – 60 คน
  • ขนาดกลาง มีผู้บรรเลง 60 – 80 คน
  • ขนาดใหญ่ มีผู้บรรเลงตั้งแต่ 80 คน ขึ้นไป

3.วงป๊อปปูลามิวสิค (Popular Music) หรือ วงดนตรีลีลาศ

ใช้บรรเลงตามงานรื่นเริงทั่วไปประกอบด้วย เครื่องดนตรีีกลุ่มแซกโซโฟน, กลุ่มเครื่องทองเหลือง และกลุ่มเครื่องประกอบจังหวะ

วงป๊อปปูลามิวสิค ส่วนใหญ่ มี  3 ขนาด 

1.วงขนาดเล็ก (วง 4×4)  มีเครื่องดนตรี  12 ชิ้น ดังนี้

กลุ่มแซ็ก  ประกอบด้วย  อัลโตแซ็ก 1  คัน เทเนอร์แซ็ก 2  คันบาริโทน แซ็ก 1 คัน

กลุ่มทองเหลือง ประกอบด้วย ทรัมเป็ต 3  คัน ทรอมโบน 1 คัน

กลุ่มจังหวะ ประกอบด้วย  เปียโน 1 หลัง กีตาร์คอร์ด 1 ตัว เบส 1  ตัว กลองชุด  1  ชุด

( วง 4 x 4 หมายถึง ชุดแซก 4 ชุด ทองเหลือง 4 ชุดตามลำดับ ส่วนเครื่องประกอบจังหวะ 4 ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

2.วงขนาดกลาง (5×5) มีเครื่องดนตรี 14 ชิ้น  คือ เพิ่มอัลโตแซ็ก และ ทรอมโบน

3.วงขนาดใหญ่ (Big Band )(5 x 7)  มี 16  ชิ้น เพิ่ม ทรัมเป็ต และ ทรอมโบนอย่างละตัว

.ในปัจจุบันใช้กีตาร์เบสแทนดับเบิ้ลเบส และ บางทีก็ใช้ออร์แกนแทนเปียโนคะ

4.วงคอมโบ้ (Combo  band) หรือ สตริงคอมโบเป็นนวงที่เอาเครื่องดนตรีบางส่วนมาจาก Popular Music อีกทั้งลักษณะของเพลงและสไตล์การเล่นก็เหมือนกัน จำานวนเครื่องดนตรีส่วนมากอยู่ระหว่างประมาณ 3 –10 ชิ้นเครื่องดนตรีจะมี พวกริทึม(Rhythm) และพวกเครื่องเป่า ทั้งลมไม้ และเครื่องทองเหลืองเครื่องดนตรีที่ใช้เป็นหลักคือกลองชุด เบส เปียโนหรือมีเครื่องเป่าผสมด้วยจะเป็นเครื่องลมไม้หรือทองเหลืองก็ได้ไม่จำกัดจำนวนแต่รวมแล้วต้องไม่เหมือนกับวงป๊อปปูลามิวสิค

วงคอมโบก็เป็นสมอลล์แบนด์ (small Band)แบบหนึ่ง ดังนั้นวงนี้จึงเป็นวงที่มีขนาดไม่ใหญ่นักจึงเหมาะสำหรับเล่นตามงานรื่นเริงทั่วๆไป

นอกจากนั้นยังเหมาะสำหรับเพลงประเภทไลท์มิวสิคอีกด้วยและเพลงไทยสากลและเพลงสากลทุกยุคสมัย

ในปัจจุบันที่ใช้วงคอมโบเล่นตามห้องอาหารหรืองานสังสรรค์ต่างๆประกอบด้วยเครื่องดนตรีดังต่อไปนื้

1.แซ็กโซโฟน 2.ทรัมเป็ต 3. ทรอมโบน 4.เปียโนหรือออร์แกน 5. กีตาร์คอร์ด 6. กีตาร์เบส 7.กลอง

5. วงชาร์โด (Shadow)

เป็นวงดนตรีขนาดเล็กเริ่มก่อตั้งเมื่อประมาณ 20 ปีมานี่เอง

ในอเมริกาวงดนตรีประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือคณะTheBeattle

หรือสี่เต่าทอง เครื่องดนตรีในสมัยแรก มี4ชิ้น คือ

1.กีตาร์เมโลดี้(หรือกีตาร์โซโล) 2.กีตาร์คอร์ด 3.กีตาร์เบส 4.กลองชุด

วงชาโดว์ในระยะหลังได้นำออร์แกนและพวกเครื่องเป่าเช่น แซกโซโฟน 

ทรัมเป็ต,ทรอมโบนเข้ามาผสมและบางทีอาจมีไวโอลินผสมด้วย

เพลงของพวกนี้ส่วนใหญ่จะเร่าร้อน ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่น

 โดยเฉพาะเพลงประเภท  อันเดอร์กราว

6. วงแจ๊ส (Jazz) 
แบบของแจ๊สที่ควรรู้จักBlues Jazz เพลงบลูส์ 

เกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนแถบปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี แต่สมัยแรกๆไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ต่อมาพ.ศ. 2467ได้มีการอัดแผ่นเสียงจำหน่าย

จึงแพร่หลายได้รวดเร็วขึ้น รวมทั้งดนตรีได้มีโอกาสไปแสดงตามที่ต่างๆ ในสมัยแรกๆเพลงบลูส์ใช้กีตาร์เล่นนำและคลอเสียงร้องเล่นกันตามข้าง

ถนนตามย่านชุมชน คนผ่านไปมาก็ให้เงินบ้างไม่ให้บ้าง เนื้อร้องร้องไปคิดไปไม่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้ามาก่อน ดังนั้นร้องกี่ครั้งก็ไม่เหมือนกัน 

นึกจะจบก็จบเอาดื้อๆคล้ายกับเพลงฉ่อยของประเทศไทย เพลงบลูส์ได้รับอิทธิพลจากศาสนามาก ดังนั้นเนื้อร้องก็มีเกี่ยวกับเรื่องศาสนาเข้ามา

ปนอยู่ด้วย ต่อมาเพลงบลูส์ได้เจริญขึ้นก็นำไปเล่นกับวงแจ๊๊สก็กลายเป็นบลูส์์แจ๊๊ส เพลงประเภทนี้ส่วนมากจังหวะช้าๆ

ครั้งแรกที่ไม่ค่อยนิยมเพลงบลูส์เนื่องจากโน้ตค่อนข้างยาก ต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นในปีพ.ศ.2472 จึงเป็นแรงหนึ่งที่ทำให้รับความนิยม

New orlean and dixieland style ทั้ง2แบบเหมือนกันมากจนแทบจะแยกกันไม่ออก เริ่มขึ้นในปลายศตวรรษที่19 และมาแพร่หลายในปีพ.ศ

2473 ต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นในปีพ.ศ.2472 ต่อมามีทรอมโบนและคลาริเ็น็ท เบนโจ กีตาร์ ทูบา กลอง เปียโน แซ็กโซโฟน ปัจจุบันใช้

เบสแทนทูบา นิยมให้ทรัมเป็ตเป็นตัวนำก่อน แล้วจึงเล่นพร้อมกันทั้งวงและเล่นกันเฉพาะทำนองเพราะยังไม่มีใครรู้จักAdlibกันเท่าไหร่

กลองก็เล่นจังหวะธรรมดา Modern Style โฉมหน้าของแจ๊๊สได้เปลี่ยนไปมากเมื่อหลุยส์ อาร์มสตรองได้คิดวิธีเล่นใหม่คือมีทำนองหลัก

แล้วผลัดกันเล่นทีละคนแต่ละคนAdlib กันอย่างสนุกสนานและเล่นค่อนข้างเร็วมาก บางทีก็เล่นพร้อมๆกันฟังดูเหมือนต่างคน

ต่างเล่นแต่อยู่ในกรอบอันเดียวกัน  BopStyle ผู้ที่คิดขึ้น คือThe lonious Monk กับDizzy gillespieโดยเอาแบบของยุโรปมาผสม

มีการเปลี่ยนแปลงทำนองและจังหวะ ใช้คอร์ดเป็นหลัก เล่นเร็วมาก ผลัดกันเล่นทีละชิ้น

จังหวะของแจ๊๊สในยุคหลังก็ได้เกิดขึ้นใหม่ๆ Swing แบบนี้กู๊ดแมน เป็นผู้ให้กำเนิดจังหวะนี้ เมื่อก่อนกู๊ดแมนเล่นคลาริเน็ทกับพวกผิวดำ 

ต่อมาได้แยกออกมาเล่นกับพวกผิวขาวด้วยกันและเขาได้แต่งเพลงใหม่ขึ้น และได้ให้ชื่อเพลงใหม่นี้ว่า Swing Rock n’ Roll ก็แตกแขนงจาก 

แจ๊๊ส เมื่อราวพ.ศ.2493 ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นและแพร่หลายอย่างรวดเร็วในอเมริกา ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาเพลงร๊อคก็คือ 

เอลวิส เพรสลี่(เสียชีวิตเมื่อส.ค.2520) เพลงแจ๊๊สที่เราคุ้นๆหูก็คือเพลง When the saints to marching in เพลงนี้เป็นเพลงที่เก่าแก่มาก 

ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่งเป็นเพลงแจ๊สที่มีชื่อเสียงมาก ในการแสดงดนตรีแจ๊๊สทุกครั้งมักมีเพลงนี้เล่นด้วยเสมอ ตอนแรกเป็นเพลงสวด

ต่อมาเล่นแบบมาร์ชและในที่สุด ก็เล่นแบบ New orleans อาร์มสตรองเล่นเพลงนี้ได้ดีที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2481

เครื่องดนตรีแจ๊สที่นิยมเล่นกันมี ดังนี้คือ

1. คลาริเน็ท 2. แซ็กโซโฟน(โซปราโน,อัลโต,เทเนอร์) 3. คอร์เน็ต 4. ทรัมเป็ต

5. ทรอมโบน 6. เบนโจ 7.เปียโน 8. กีตาร์ 9.เบส 10. กลองชุด

ปัจจุบันแจ๊๊สได้เล่นอย่างมีแบบแผน มีการเรียบเรียงเสียงประสานสำหรับวงดนตรี

เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นมีการกำหนดแน่นอนซึ่งใช้แบบของวงดนตรีป๊อปปูลามิวสิค

7. วงโยธวาทิต  ( Military  Band )

ประกอบด้วยเครื่องเป่าครบทุกกลุ่ม คือ เครื่องลมไม้ เครื่องทองเหลืองและกลุ่มเครื่องกระทบได้แก่เครื่องดนตรีที่ให้จังหวะทั้งหลาย 

วงโยธวาฑิตมีมาตั้งแต่สมัยโรมัน ใช้บรรเลงเพลงเดินแถวเพื่อปลุกใจทหาร ในสมัยสงครามครูเสดได้ซบเซาไปพักหนึ่ง และเจริญอีกในสมัย14

ต่อมาในสมัยของนโปเลียนได้ปรับปรุงให้มีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิดเช่น พวกขลุ่ยผิว พวกปี่และแตรและ ต่อมาก็เป็นต้นแบบของวงโยธวาทิต

ในราวกลางศตวรรษที่19เมื่ออดอลฟ์แซกซ์ นักประดิษฐ์ชาวเบลเยี่ยมได้ประดิษฐ์แซกโซโฟนและแตรต่างๆในตระกูลแซกฮอร์น จึงได้นำมาไว้

กับวงโยธวาทิตด้วย จึงสมบูรณ์ดังได้กล่าวมาแล้ว ปัจจุบันวงโยธวาทิตมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 56 ชิ้น

8.แตรวง (Brass Band )

คือวงที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องทองเหลืองและเครื่องกระทบ

 แตรวงเหมาะสำหรับใช ้บรรเลงกลางแจ้ง การแห่ต่างๆ เช่น ในประเทศไทยใช้ แห่นาค

 แห่เทียนพรรษา เป็นต้นแตรวงมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 26 ชิ้น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น